นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน พ.ค. จากการสำรวจผู้ประกอบการครอบคลุม 45 กลุ่มอุตสาหกรรมของ ส.อ.ท. ว่า อยู่ที่ระดับ 92.5 ลดลงจาก 95.0 ในเดือน เม.ย. เป็นการปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และลดลงทุกองค์ประกอบ ทั้งดัชนีฯ คำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการ เนื่องจากเริ่มมีความกังวลเกี่ยวกับการเมืองหลังเลือกตั้งที่ยังไม่แน่นอน และยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้โดยเร็ว รวมทั้งปัจจัยลบจากการส่งออกของไทยที่ชะลอตัวลงต่อ เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอน ส่งผลให้อุปสงค์จากประเทศคู่ค้าลดลง
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยจากอัตราแลกเปลี่ยนยังคงผันผวน และผู้ประกอบการยังคงเผชิญกับปัญหาต้นทุนการผลิตที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะราคาพลังงาน, อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่อยู่ในทิศทางขาขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีต้นทุนการเงินเพิ่มขึ้น ปัญหาหนี้ครัวเรือนทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่าย รวมทั้งปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยว ทำให้ความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น
ส่วนดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 104.3 ลดลง จาก 105.0 ในเดือน เม.ย. เนื่องจากผู้ประกอบการมีความกังวลเกี่ยวกับนโยบายการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำของรัฐบาลใหม่ ส่งผลกระทบต่อต้นทุนประกอบการของผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะเอสเอ็มอี รวมทั้งทำให้การลงทุนจากต่างประเทศลดลง ขณะที่ความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศและปัญหาภัยแล้ง ส่งผลต่อวัตถุดิบในอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตร
ข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ
1คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ปรับเพิ่มขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งส่งผลให้ผู้ประกอบการมีภาระหนี้เพิ่มขึ้นและความสามารถในการชำระหนี้ลดลง อาทิ สนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพิ่มเสริมสภาพคล่อง การปรับโครงสร้างหนี้ การปรับเงื่อนไขการค้ำประกันสินเชื่อให้มีความยืดหยุ่นขึ้น
2. สนับสนุนให้ผู้ประกอบการใช้สิทธิประโยชน์สำหรับการส่งออกภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) ฉบับต่างๆ เพิ่มขึ้น เพื่อสร้างแต้มต่อให้กับสินค้าไทยและช่วยเพิ่มมูลค่าการส่งออก
3คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. เร่งให้มีการจัดตั้งคณะรัฐบาลใหม่ เพื่อไม่ให้เกิดสุญญากาศทางการเมือง และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน
“ตอนนี้ต้องระวังปัจจัยลบ ที่อาจแทรกเข้ามาด้วย โดยเฉพาะการเมือง ที่หากยืดเยื้อล่าช้าออกไป 1-2 เดือน หรือเลื่อนออกไปถึงช่วงปลายปี 66 อาจส่งผลให้ม็อบที่หายไปจากสังคมไทยเป็นเวลานานกลับมาอีกครั้ง เป็นภาพหลอนที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น เพราะจะกระทบกับเครื่องยนต์เศรษฐกิจ หรือภาคท่องเที่ยวโดยตรง จากเดิมที่คาดหวังว่านักท่องเที่ยวในปี 66 จะถึง 30 ล้านคน อาจไปไม่ถึง”