แห่ส่งกำลังใจ “วิรดา วงศ์เทวัญ” น้องสาว “กุ้ง สุธิราช” ป่วยไข้เลือดออกอยู่ในขั้นวิกฤต
“กุ้ง สุธิราช” เผยอาการน้องสาว “วิรดา วงศ์เทวัญ” ยังวิกฤต มีภาวะสมองบวม
ได้รับกำลังใจและความห่วงใย สำหรับ “วิรดา วงศ์เทวัญ” นักร้องและนางเอกลิเกคู่ขวัญ “กุ้ง-สุธิราช วงศ์เทวัญ” พี่ชายแท้ๆ ที่ป่วยไข้เลือดออกชนิดรุนแรง เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคมที่ผ่านมา และยังไม่รู้สึกตัว โดยทางครอบครัวและทีมแพทย์ทำทุกวิถีทางอย่างเต็มที่
วันนี้ (11 ม.ค.67) “กุ้ง” พร้อมด้วย “จิ้งหรีดขาว วงศ์เทวัญ” ได้แถลงข่าวอัปเดตอาการของ วิรดาณ ห้องประชุม Sukhumvit I ชั้น 3 โรงแรม ที่ JW Marriott Hotel Bangkok
ซึ่งได้ “กุ้ง” เปิดใจว่า“น้องสาวผมตอนนี้ติดเชื้อไข้เลือดออกชนิดรุนแรง เท่าที่ผมรู้น้องไปทำงานด้วยกันเมื่อวันที่ 20-21 ธันวาคม 2566 ไปอัมพวาและชัยนาท แล้วหลังจากนั้นพอทราบว่าน้องสาวเริ่มมีอาการเป็นไข้ ก่อนหน้านั้นปวดท้องนิดหน่อย เขารู้สึกว่าเป็นขัดเบา เป็นที่มดลูกหรือเปล่า เขาก็คิดไปเองว่าเป็นลักษณะแบบนั้น ก็มาถามหาที่ผม ผมก็บอกว่าไม่มีให้ไปหาหมอ วันที่ 23 ธันวาคม แล้วหลังจากนั้นก็ไปทำงาน เขาก็กลับไปอยู่ที่ราชบุรี
24 ธันวาคม เขาเริ่มปวดท้อง เริ่มมีไข้สูง เลยซื้อยาลดไข้มาทานเอง เริ่มรู้สึกดีขึ้นก็ไปทำธุระส่วนตัว จนวันที่ 26 ธันวาคม รู้สึกไม่ค่อยไหว มีไข้ ปวดท้อง ปวดเนื้อปวดตัว ก็เลยไปหาหมอคลินิคฉีดยามา 2 เข็ม ก็ไม่ทราบว่ายาชนิดไหน เดินไม่ไหวต้องปะคองขึ้นรถ เขาบอกว่าหัวใจเต้นช้า ความดันตก วันที่ 27 ธันวาคมมีไข้ซมทั้งวัน แล้วเราต้องเดินทางไปทำงานลิเกวันที่ 30 ธันวาคม 2566 – 1 มกราคม 2567 เดินทางไปหลายที่ เลยนัดว่าจะนั่งรถไปด้วยกัน น้องก็มาหาที่บ้านเดินเข้ามาก็ปกติ หลังจากนั้นก็รู้สึกหนาวห่มผ้าคลุมทั้งตัว หลังจากนั้นก็ไม่ได้คุยอะไรกัน
จากนั้นตอนตี 3 คนดูแลก็บอกว่าพาน้องไปโรงพยาบาลแล้ว ปวดท้อง มีไข้ ก็ไปถึงโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง มารู้อีกทีตอนเช้าเห็นน้องกำลังสั่นมาก ผ้าห่ม4-5ผืนเอาไม่อยู่ ทางโรงพยาบาลก็ดูแลเบื้องต้น ช่วงเที่ยงผมก็เข้าไปเยี่ยม เห็นน้องนอนหลับ ผมอยู่สักระยะนึงก็ไม่ได้ปลุก คิดว่าน้องเพลีย คิดว่าเสร็จงานจะกลับมาเยี่ยม
ระหว่างที่เดินทางไปได้สัก 1 ชั่วโมงนิดๆ ทางพี่เลี้ยงก็โทรมาบอกว่าน้องเป็นอะไรไม่รู้ เรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น ปลุกก็ไม่รู้สึกตัว ตาลอย ช่วงนั้นมีอาการเหมือนสำลัก เหมือนชักกึกๆ มีน้ำลายไหลออกมา ตอนนั้นทางหน่วยแพทย์ก็เข้าไปรุมดู ผมก็รู้สึกใจไม่ดีแล้ว คือช่วงตี 3 ที่เข้าไป เขาเจาะเลือดสงสัยว่าจะเป็นไข้เลือดออก ผลออกมาก็เป็นจริงๆ เกล็ดเลือกตอนนั้นยังแสนกว่าอยู่
หลังจากที่น้องช็อกหมดสติ ในระหว่างนั้นทางแพทย์ก็ทรมาคุยว่า อาจจะต้องใช้ท่อช่วยหายใจ ผมก็ตกลง อันไหนที่ทำแล้วน้องปลอดภัย เราก็ขอให้ทำเลย ตอนนั้นความดันเท่าที่ทราบอยู่ที่ 60/30 คือต่ำมาก จำเป็นต้องใช้ยากระตุ้นความดัน ทีแรกให้ทางแขนแต่ไม่ไหว ก็เลยให้ทางเส้นเลือดกระตุ้นให้หัวใจดีขึ้น ก็ยังไม่ถึงกับดีขึ้นซะทีเดียว
สัญญาณไข้เลือดออก ชนิดรุนแรง เสี่ยงอันตรายได้ถึงชีวิต “ไข้เลือดออก” ป่วยรวมตั้งแต่ต้นปี 1.2 แสนราย เตือนงานบุญระวังยุงลายชุก
พอเสร็จงานผมก็มาที่โรงพยาบาล น้องยังนอนนิ่งก็เลยปรึกษาขอย้ายโรงพยาบาล ทางแพทย์เขาอนุญาตแต่ติดตรงปัญหาที่ว่าหัวใจยังไม่ดี มีภาวะเสี่ยงในการเคลื่อนย้าย ก็รอจนย้ายได้ช่วงบ่ายของวันที่ 31 ธันวาคม ก็ย้ายมาที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ แพทย์บอกว่าหัวใจเต้นไม่ดี เต้นอยู่แค่ 20% ต้องทำการบอลลูนหัวใจ เพื่อให้หัวใจไม่ทำงานหนักจนเกินไป แล้วก็มีการทีซีสแกนดูเรื่องสมอง มีอาการสมองบวมด้วย พอทำบอลลูนหัวใจเสร็จผมก็ไปทำงานต่อ
พอกลับมาอีกวันนึงด้วยเครื่องก็ยังช่วยให้หัวใจค่อยๆ เต้นกลับมาดีขึ้น แต่ยังไม่รู้สึกตัว คิดว่าน่าเชื้อเดงกีมี 4 สายพันธุ์ น้องน่าจะเป็นสายพันธุ์ที่ 1 ที่เด็กๆ เป็นก็จะไม่หนักอะไร แต่ผู้ใหญ่เป็นจะหนักมากที่ระบาดในเมืองไทย แต่บังเอิญว่าน้องอาจจะมาหาหมอช้า ก็เลยทำให้โรคนี้หนักอาจจะประกอบกับว่าติดเชื้ออย่างอื่นด้วยก็เลยทำให้หนักมากถึงขั้นวิกฤต คุณหมอบอกว่าประมาณ 5% ที่จะเป็นหนักขนาดนี้ ก็เลยได้คุยกับอาจารย์หมอที่ระดมทุกอย่างว่าจะทำอะไรได้บ้าง ก็มีการทำพลาสม่า ทำอยู่ 2 ครั้ง ก็ยังไม่ฟื้น คุณหมอก็ดูม่านตาว่ายังไม่ตอบสนอง ก็รักษากันตามสิ่งที่ควรจะทำทุกอย่าง
ณ เวลานี้ ตอนนี้ผลของความดันเลือดที่ว่าใช้เครื่องบอลลูน เขาก็พยายามบาลานซ์ให้เอาเครื่องนี้ออก เพื่อทำ MRI ได้ ก็จนกระทั่งถอดเครื่องบอลลูนออกได้ หัวใจก็ยังเต้นอยู่ที่ 35% แล้วก็ได้เข้าทำ MRI ผลก็ออกมาไม่ค่อยดี สมองน่าจะขาดเลือด ในส่วนของแนวทางการรักษา ระบบหัวใจดีขึ้น ไม่ได้ใช้เครื่องแล้ว ใช้ยาน้อยมาก หัวใจเต้นประมาณ 50% แล้ว ระบบไต ปอด ตับ ยังอยู่ในขั้นดี อาจจะมีติดเชื้อบ้าง แต่ที่หนักคือสมอง ยังไม่รู้สึกตัว หมอก็พยายามทำทุกอย่าง
(อ่านใบจากโรงพยาบาล) ข้อมูลจากโรงพยาบาลบอกว่า “คนไข้มาโรงพยาบาลด้วยอาการไม่รู้สึกตัว เป็นไข้เลือดออกชนิดรุนแรง ขณะนี้คนไข้ยังไม่รู้สึกตัว แล้วยังใส่ท่อช่วยหายใจ โดยรวมอาการยังอยู่ในภาวะวิกฤตและมีภาวะแทรกซ้อน ซึ่งทีมแพทย์ต้องคอยมอนิเตอร์อย่างใกล้ชิดและอัปเดตสถานการณ์ให้ญาติผู้ป่วยทราบวันต่อวัน” คือตอนนี้การทำงานของสมองมันยังไม่ดี ตั้งแต่วันแรกจนมาถึงวันนี้ก็ยังไม่มีการตบสนอง
“จิ้งหรีดขาว” ก็ไปขอพรต่างๆ มาเป็นยังไงบ้าง?
จิ้งหรีดขาว : “ก็ทำทุกอย่างค่ะอะไรที่ช่วยได้ แล้วก็พาคุณแม่ชีไปทำบุญ เราสายมูเนอะก็ไปช่วยทุกที่นะ แต่บางทีเราไม่ได้ลงโซเชียลเราทำหมดแล้ว เหมือนจะดีขึ้น บางทึ ก็มีอะไรให้เราเห็นว่าดีขึ้นแต่ก็ยังเหมือนที่คุณกุ้งพูดยังทรงตัวอยู่เราก็ทำเยอะ มันต้องรอปาฏิหาริย์จริงๆ ค่ะตอนนี้”
กำลังใจของครอบครัวเป็นยังไงบ้าง?
กุ้ง : “มันจะขึ้นๆ ลงๆ ตลอดเวลาระหว่างที่อยู่โรงพยาบาล วันนี้ห่วงว่าจะทำบอลลูนหัวใจได้ไหม คือพอหมอบอกว่าดูจากเกร็ดเลือด เพราะมันอยู่แค่ 2 หมื่นตอนนั้นที่จะทำบอลลูเราก็ลุ้นในระหว่างนั้นเราก็ต้องไปทำงานพอสามารถทำบอลลูนได้ ไม่เกิดอะไรขึ้นระหว่างการทำ ดีใจขึ้นมาระดับนึงแล้ว แต่พอมาอีกวันมีตรงอื่นเข้ามาอีกทำให้เราใจฟ่อลงไปอีกอะไรแบบนี้ มันก็อยู่ระดับนี้ตลอดเวลา (เสียงสั่นน้ำตาซึม)
แต่ถามว่า.. เราไม่หมดกำลังใจคือต้องบอกว่าเราทำทุกวิถีทางที่ควรจะทำไม่ว่าทางการแพทย์เราก็ให้คุณหมอดูแลเต็มที่ ซึ่งต้องขอบคุณคุณหมอ พยาบาล ดูแลเต็มความสามารถจริงๆ ส่วนพวกเราที่พอจะทำได้คือทำบุญ แล้วไม่ใช่เรา มีแฟนๆ ที่เขารักน้องก็จะส่งบุญมา ทำบุญให้น้องหาย ให้น้องฟื้น คุณแม่ก็บนให้น้องว่าถ้าฟื้นเดี๋ยวจะบวชโกนหัวเลยทั้งคู่ ทั้งแม่ทั้งน้องเลย ซึ่งพอถึงวันที่มันรอไม่ได้แม่ก็ขอบวชโกนหัวเลย เพื่อส่งบุญให้น้อง
เราก็ไม่รู้ว่าเปอร์เซ็นต์มันจะหายได้ขนาดไหน จะรู้สึกตัวได้ขนาดนั้น แต่เรายังมีความหวัง ตอนนี้หวังปาฏิหาริย์ถึงแม้จะ ริบหรี่ ก็หวังว่า.. (เสียงสั่นน้ำตาคลอ) แค่ให้น้องตอบสนองให้รับรู้เราก็ดีใจแล้ว คุณหมอก็ทำทุกอย่างจริงๆ ตอนนี้คือเรารู้ว่าคุณหมอทำเต็มที่มากเพราะเขารู้ว่าเรายังมีความหวัง คุณหมอก็ยังไม่หมดหวังเหมือนกัน พยายามทำทุกวิถีทางคือเขาจะประชุมกันทุกวันตอนนี้จะทำอะไรได้บ้างให้น้องมีโอกาสที่จะฟื้นกลับมาได้
ตอนไปเยี่ยมก็ให้กำลังใจ บอกให้กลับมานะ เราตัวติดกันมาตลอดตั้งแต่เด็ก เรารู้ใจกันจะทำอะไร เป็นพระเอกคู่กันร้องเพลงคู่กันคือทำอะไรด้วยกันมาตลอด จนถึงวันที่น้องป่วย ช่วง 30-1 (เสียงสั่นน้ำตาตลอด) เราต้องทำหน้าที่คนเดียว แต่ก็พยายามทำให้ได้ให้ดีที่สุด ให้มันไม่รู้สึกว่ามันขาดอะไรไปก็หวัง คุยกับน้องว่าฟื้นมานะทุกคนให้กำลังใจรักหนูมาก เขาเป็นคนที่พอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ เขาเป็นนักร้องที่ทำเพลงได้ไม่กี่เพลงหรอก เป็นนางเอกคู่กัน ก็ยังมีพี่ประคองอยู่ข้างๆ ตลอดเวลา น้องก็ไม่เคยท้อนะ คือทำทุกอย่าง ในช่วงที่เขาเคยป่วยเขายังไลฟ์ขายของ อันไหนที่มีรายได้เข้ามาหาครอบครัวเขาก็ทำเต็มที่คือเราเห็นความพยายามความตั้งใจของน้องแล้วด้วยความที่เราอยู่ด้วยกันมา (เสียงสั่นน้ำตาคลอ) เราขาดเสาหลักคือพ่อไปแล้ว ก็มีกันแค่นี้จริงๆ”
หมอบอกว่าปาฏิหาริย์ที่จะได้รับมันมีกี่เปอร์เซ็นต์?
กุ้ง : “คุณหมอก็ทำเต็มที่ครับ ส่วนของปาฏิหาริย์มันก็ต้องดูกันวันต่อวัน แต่อย่างน้อยผลหัวใจดีขึ้น ค่าตับอะไรดีขึ้น แต่ตอนนี้น้องยังไม่สามารถหายใจด้วยตัวเอง ยัใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่แล้วก็สมองต้องรอดู หมอบอกมีเคสที่ไม่มีคลื่นหัวใจแต่ก็สามารถกลับมาได้อยู่ แต่ตอนนี้สมองยังบวมอยู่ ยังต้องดูเป็นวันต่อวัน ถามว่าเคสแบบนี้จะมีโอกาสกลับมาไหม ก็มีครับ ที่กลับมาได้ เดินได้ ปกติดี แต่ในกรณีเคสนี้ก็ยังตอบอะไรไม่ได้ คุณหมอยังไม่ได้ว่าจะหายจะดีขึ้นยังไงขนาดไหนครับ”
ปกติน้องเป็นคนสุขภาพร่างกายแข็งแรงไหม?
กุ้ง : “เขาไม่เจ็บป่วย ไม่มีโรคประจำตัว เขาเป็นเด็กร่าเริงปกติ ป่วยก็ป่วยด้วยกันหมด อยู่ใกล้ๆ กันก็เป็นไข้หวัดเป็นอะไร หลักๆ ก็เป็นประมาณนั้น ที่หนักสุดก็คงครั้งนี้ครับ (ตอนแรกคิดว่าไข้หวัด?) ใช่ครับ มันมีไข้ ผมโทร.หาน้องไม่รับสาย จนเขาโทร.กลับมา บอกไม่ไหวนอนเป็นไข้ทั้งวัน คิดว่าเป็นไข้ทับระดู เพราะรู้สึกปวดท้อง แต่เขาบอกพี่เลี้ยงเขาว่าเมนยังไม่มาหรอก แต่ปวดเหมือนไข้ทับระดู ก็เข้าใจว่าแบบนั้น จนรู้จริงๆ ตอนเข้าโรงพยาบาลว่าเป็นไข้เลือดออก ประมาณวันที่ 24-25 ธันวาคม”
เคสนี้อาจจะทำให้ทุกคนระวังกับเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้?
กุ้ง : “ใช่ครับ ผมเองตอนที่โรงพยาบาลนั้นบอกมา ว่าเป็นไข้เลือดออก ผมยังไม่เชื่อนะ น้องจะเป็นไข้เลือดออกได้ยังไง แต่โอเคด้วยความที่เราทำงาน มันก็เจอยุ่งหลายที่ เยอะเหมือนกันแหละ แต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะเป็นไข้เลือดออก เพราะเราเห็นอาการเขาปวดท้อง นึกว่าจะเป็นไข้หวัด ซึ่งเกร็ดเลือดจาก 140,000 ในวันเดียวช่วงไม่กี่ชั่วโมง ลดเหลือ 70,000 – 80,000 ลงไป 40,000 ก็เลยค่อยข้างที่จะหนักเหมือนกัน เขาไม่เคยเป็นไข้เลือดออกมาก่อนครับ แต่ผมเคยเป็นตอนเด็กๆ”
มีอาการเลือดออกตามผิวหนังให้เห็นไหม?
กุ้ง : “ไม่มีเลย น้องวิไม่มีแขนเป็นจ้ำ หรือเลือดออกอะไรเลย ดูปกติมาก”
จิ้งหรีด : “ไม่รู้ว่ามันเป็นผลจากการฉีดยา 2 เข็มด้วยหรือเปล่า เพราะเหมือนกดไว้ เลยไม่มีอาการ”
กุ้ง : “ไม่รู้ว่ากดไว้หรือเปล่า ทั้งฉีดยา ทั้งกินยา แต่ส่วนใหญ่ก็กินพารานะครับ ตอนยังไม่ได้โรงพยาบาล เข้าโรงพยาบาลคืนวันที่ 29 ธันวาคมเลย”
ทุกคนเอาใจช่วยมากๆ เราอยากบอกอะไรกับกำลังใจตรงนี้บ้าง?
กุ้ง : “ต้องบอกว่าครอบครัววงศ์เทวัญเรา ทั้งญาติ น้องๆ ลูกๆ หลานๆ ทุกคนที่มาให้กำลังใจ มาเฝ้า มาดู มาช่วยกันส่งกำลังใจเต็มที่ ไม่มีใครที่หมดหวัง ไม่มีใครที่ท้อ แม้ว่าน้องจะยังไม่ตื่นมาอีกหลายวัน ไม่รู้ว่าหลังจากนี้ อีกกี่วันก็ยังไม่รู้เหมือนกัน แต่ทุกคนก็ยังหวังพึ่งปาฏิหาริย์ด้วย หวังพึ่งคุณหมอด้วย ควบคู่กันไป ทุกคนไม่มีท้อ มีแสงเล็กน้อยตรงไหนที่มันพอที่จะไปได้ก็ไป ทำทุกอย่าง กระทั่งแฟนๆ หลายๆ คนที่ส่งกำลังใจ ไปทำบุญ ไปบวชพระ ไปไหนต่อไหนกัน คือส่งกำลังใจมาให้น้องคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
เราก็พยายามบอกน้องว่าทุกคนทำบุญให้ ทุกคนส่งกำลังใจให้วินะ หนูต้องสู้นะ หนูต้องกลับมานะ (เสียงสั่น) หนูต้องตื่นมานะ อย่างน้อยตื่นมาให้รับรู้ ว่ากำลังใจจากพี่น้อง จากญาติ จากแฟนๆ จากคนที่รู้ ทั้งที่เป็นแฟนคลับ และไม่ได้เป็นแฟนคลับที่รู้จากข่าว ก็ส่งกำลังใจมาทุกคน อยากให้น้องได้ตื่นมา ได้รับรู้ว่ากำลังใจเหล่านี้เขาส่งให้เรานะ ให้วินะ เขารักหนูนะ หนูยังมีคนที่รัก มีคนที่ชื่นชมอยู่มากมาย (เสียงสั่น)
อยากให้เขาตื่นมารับรู้ตรงนี้ด้วยครับ แล้วก็ต้องขออนุญาตขอบคุณ โรงพยาบาลบํารุงราษฎร์ ที่เอื้อเฟื้อสถานที่แถลงข่าว และดูแลพวกเราอย่างดี ทั้งจิตใจ และดูแลน้องอย่างดีเลย และขอบคุณพี่ๆ สื่อมวลชนทุกสื่อที่ให้เกียรติและส่งกำลังใจให้เรานะครับ หวังว่ากำลังใจจากทุกๆ คน มันจะส่งให้น้องมีสติกลับคืนมาให้ได้เร็วที่สุดครับ ถ้ามีอะไรเพิ่มเติมจะส่งข่าวให้ได้รับรู้กันครับ ขอบคุณครับ”
พยากรณ์อากาศ 11 -20 ม.ค. เตรียมรับมือฝนถล่มหลายพื้นที่!
เปิดสถิติหวยออกงวดวันที่ 17 มกราคม หวยวันครู ย้อนหลัง 15 ปี
“อาจารย์แมน” แจง “ลงนะดาก” ทำตามลูกค้าขอ-ยันทำได้ทุกจุด!